วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553
ปลัดกระทรวงมหาดไทย
นายมงคล สุระสัจจะ ได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ โดยน่าจะอาศัย นาย ชวรัตน์ ชาญวีรกูล ฃึ่งท่านได้ยืนยันให้นายมงคล สุระสัจจะ เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้ง นายมงคล สุระสัจจะ นักบริหารระดับสูง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่พระกรุณาฯ แต่งตั้งเป้นต้นไป
วิเคราะห์ข่าว
จากแนวคิดของวูดโรว์ วิลสัน ที่ว่าด้วยการบริหารไม่สามารถแยกออกจากการเมืองได้ กล่าวคือการกำหนดนโยบายของฝ่ายบริหารนอกจากขึ้นอยู่กับการควบคุมของฝ่ายนิติบัญญัติแล้ว ขึ้นอยุ่กับประชาชน คือการตัดสินใจของฝ่ายบริหารมีผลกระทบต่อกลุ่มของตนอย่างไร
โดย นางสาวอมรรัตน์ วาหะรักษ์
รปศ.531 เลขที่ 47
วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553
ประหลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่
ใน ที่สุดคณะรัฐมนตรีก็มีมติแต่งตั้งให้ "นายมานิต วัฒนเสน" อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ให้ไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย แทนนายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน
หลายคนไม่แปลกใจเพราะชื่อของ "นายมานิต" นั้นมาแรงตั้งแต่ไก่โห่ แม้จะมีการคาดเดาไปต่างๆ นานา ว่าสุดท้ายชื่อนี้อาจหลุดโผ
แต่ความแรงของ "นายมานิต" ก็ไม่มีใครสามารถสกัดกั้นไว้ได้
จึง เกิดคำถามว่าชื่อของ "นายมานิต" ไปเข้าตา "นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือทำไมผู้ทรงอิทธิพลนอกกระทรวงอย่าง "นายเนวิน ชิดชอบ" หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน แกนนำพรรคภูมิใจไทย ถึงได้โปรดปรานคนคนนี้หนักหนา
และอย่างน้อย "นายมานิต" ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์จารึกไว้บนแผ่นทองเหลืองหน้ากระทรวงว่า "สิงห์ขาว" หรือคนที่จบจากคณะรัฐศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ได้เป็นปลัดกระทรวงคลองหลอดคนแรก ทำลายกำแพงที่เคยผูกขาดเฉพาะ "สิงห์ดำ" จบจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ หรือ "สิงห์แดง" จบจากคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ เท่านั้น
หากดูจากประวัติของ "นายมานิต" จะพบว่าสายสัมพันธ์การเมืองที่ได้สร้างไว้ ได้กลายเป็นตัวอุปถัมภ์ให้ก้าวมาไกลเกินคาด
ชื่อ ของเขาเข้าไปอยู่ในใจของ "นายเนวิน" ตั้งแต่สมัยที่รับราชการเป็นรองผู้ว่าฯปัตตานี เมื่อครั้งที่นายเนวินเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และได้ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายมานิตอาสาเข้าไปดูแลนายเนวินเป็นพิเศษชนิดยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมจึง เป็นที่มาของชะตาที่ต้องกัน
ต่อมาเมื่อการเลือกตั้งทั่วไปปี 2548 นายเนวินได้ขออาสา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ลงไปเป็นแม่ทัพลงพื้นที่หาเสียงในภาคใต้ และได้สถาปนาขุนพลคู่ใจคือการผลักดันให้ "นายมานิต" ขึ้นเป็นผู้ว่าฯสตูล คอยเป็นมือเป็นไม้ช่วยเหลือพรรคไทยรักไทยหาเสียงเลือกตั้งแข่งกับเจ้าของ พื้นที่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ และตั้งแต่ครั้งนั้นพรรคประชาธิปัตย์รับรู้ได้ว่านายมานิตนั้นฝังตัวอยู่ใน สายเนวินแล้ว
จนเข้าสู่ยุคปฏิวัติโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) นายมานิต ต้องรับชะตากรรมถูกเก็บเข้ามาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
และเมื่อมีการเลือกตั้งพรรคพลังประชาชนได้มาเป็นรัฐบาล จึงได้ผงาดตามแรงส่งของนายเนวินขึ้นเป็นผู้ว่าฯขอนแก่น
เมื่อ เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้วการเมืองพรรคภูมิใจไทยหันมาจับมือกับพรรคประชาธิปัต ย์ ยิ่งทำให้บารมีของนายเนวินเบ่งบาน เฉกเช่นเดียวกับ "นายมานิต" ที่ถูกเลื่อนชั้นให้เข้ามาคุมกรมใหญ่งบประมาณเยอะคือส่งเสริมการปกครองท้อง ถิ่น
และเมื่อโชคชะตากำหนดเมื่อปลัดกระทรวงคนปัจจุบันต้องเกษียณอายุ ราชการ ยิ่งทำให้ "นายมานิต" เป็นตัวเต็งหามที่จะมาเป็นปลัดคนใหม่ แม้จะมีกระบวนการของสิงห์สีต่างๆ คอยเตะสกัด แต่เมื่อชื่อเข้าไปอยู่ในใจของ "นายเนวิน" แล้วก็ยากที่จะมีอะไรเปลี่ยนแปลง
ยิ่งไปกว่านั้นนายเนวินยังได้ หารือกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้จัดการรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยให้เหตุผลที่เลือกนายมานิต แม้ลำดับความอาวุโส ความสามารถและความเหมาะสมจะเป็นรองคนอื่น
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ที่มีอาวุโสเป็นอันดับ 1 มาหลายสมัย แต่เหตุผลคือชื่อนี้ไม่ตอบสนองการเมือง เกรงว่าจะกระด้างกระเดื่องไม่แต่งตั้งโยกย้ายตามโผของฝ่ายการเมือง
นาย วงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง เหตุผลคือมีความสนิทสนมกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่างมาก แม้ว่าปัจจุบันจะตอบสนองงานและเข้ากับฝ่ายการเมืองได้เป็นอย่างดี แต่ความกังวลยังมีอยู่ เพราะเมื่อฤดูกาลเลือกตั้งมาถึงหาก "นายวงศ์ศักดิ์" ดูทิศทางลม หันไปให้ความช่วยเหลือพรรคเพื่อไทย ความวิบัติจะมาเยือนพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ได้
นายไพ รัตน์ สกลพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาชุมชน (พช.) แม้ผูกพันกับ จ.บุรีรัมย์มายาวนาน และขึ้นจากผู้ว่าฯนครนายกเป็นอธิบดี พช. แต่ยังถือว่าใหม่กับการเมือง กลยุทธ์วางเลือกตั้งยังไม่ชำนาญ จึงต้องให้อยู่ในตำแหน่งเดิมไปก่อน
เมื่อนายเนวินฟันธงว่าไม่ปลายปีนี้ก็ต้นปีหน้าจะมีการเลือกตั้งแน่นอน
ดัง นั้นหากต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่การจัดวางคนของตัวเองโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ซึ่งถือเป็นกลไกหลักในการเลือกตั้งทุกครั้ง การให้คนที่ตนเองไว้วางใจมากที่สุดมาเป็นมือเป็นไม้ มันง่ายที่จะคำนวณ ส.ส.ที่พรรคคาดหวังได้
แม้เหตุผลต่างๆ ที่อ้างมา "นายชวรัตน์" เจ้ากระทรวงและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยหุ่นเชิด จะมีท่าทีไม่เห็นด้วย แต่ไม่อาจจะทัดทานความต้องการของผู้มีบารมีนอกกระทรวงได้
แม้จะ พยายามขอให้เลื่อนการแต่งตั้งออกไปก่อน แต่นายเนวินอ้างว่าจะใช้จังหวะชุลมุนที่พรรคประชาธิปัตย์กำลังวุ่นอยู่กับโผ ตำรวจ เพราะหากถ้าฝุ่นตำรวจจาง กลัวว่าประชาธิปัตย์จะมาร่วมวงล้วงลูกมหาดไทยแทน
และเมื่อช่วงค่ำของ วันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางบรรยากาศงานเลี้ยงที่ครื้นเครง หลังจากที่นายเนวินได้ตกลงกับนายชวรัตน์ในฐานะผู้ที่จะต้องถือชื่อเข้าที่ ประชุม ครม.เพื่อรับทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายชวรัตน์เอ่ยปากถามนายเนวิน "อย่างนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผมต้องรับผิดชอบคนเดียวซิ"
นาย เนวินบอกว่า "ไม่ต้องกลัวอา เพราะอามีกองเชียร์เพียบ" สิ้นเสียงของนายเนวิน บรรดากองเชียร์ส่งเสียงเฮกันดังลั่นห้องจัดเลี้ยง ก่อนที่นายมานิตจะกล่าวขอบคุณทุกคน
(น.ส ขวัญฤทัย ภูมิลา รปศ.531 เลขที่ 7)
วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553
การแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยคนปัจจุบัน
นายพงศ์โพยม วาศภูติ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยและนายโชดก วีรธรรมพูลสวัสดิ์ นายกสมาคมข้าราชการบำนาญกระทรวงมหาดไทย แถลงคัดค้านการแต่งตั้ง นายมงคล สุระสัจจะ เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่
ทั้งหมดได้ลงความเห็นแถลงข่าวว่า ขาดคุณสมบัติความอาวุโสและภาพรวมแล้ว นายมงคล มีลำดับอาวุโสอยู่ที่ 54 ขาดประสบการณ์ไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และมองว่าการแต่งตั้งครั้งนี้น่าจะมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากนายมงคล เคยเป็นผู้ว่าราชการ จ.บุรีรัมย์ มีความสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจในกระทรวง
การแต่งตั้งจึงต้องมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอนซึ่งผิดกฎหมายข้าราชการไม่เป็นธรรม ทำให้การเมืองเข้ามาแทรกแซง ข้าราชการเรียกร้องนายกรัฐมนตรีเข้ามาดูแลเรื่องนี้หากปล่อยไว้จะเป็นการทำลายระบบคุณธรรมในราชการ
หลังจากนี้การทำหน้าที่จะมีการสนองนโยบายของการเมือง พร้อมเรียกร้องให้มีการติดตามการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งที่เหลือด้วย
ขณะเดียวกัน นายพงศ์โพยม ยังเรียกร้องให้ข้าราชการแสดงออกในการแต่ต้านการแต่งตั้งครั้งนี้ที่ไม่เป็นธรรม และอย่าหวั่น
วิเคราะห์ข่าว
ในการบริหารบ้านเมืองนั้นจะต้องเด็ดขาดเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายของรัฐบาล เพื่อที่จะสามารถพัฒนาระบบบริหารที่มีประสิทธิภาพ และแยกการเมืองออกจากฝ่ายบริหาร จากแนวคิดของ วูดโรว์ วิลสัน การบริหารบ้านเมืองนั้นถ้ามีการแทรกแซงทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องจะทำให้การบริหารไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
( นาวสาว อนุสรา ชื่นอารมณ์ เลขที่ 45 ห้อง รปศ.531)
วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553
การแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยคนปัจจุบัน
"ชวรัตน์" ย้ำแต่งตั้ง "มงคล" เหมาะสมนั่งปลัด มท.แล้ว ภท.รุมอัด "พงศโพยม" ยันตั้งอาวุโสน้อยไม่ผิด กม.
มท. ย้ำแต่งตั้งเอาความรู้ความสามารถมาก่อนอาวุโส อุ้ม "มงคล" แต่งตั้งถูกต้อง "บุญจง" ชี้ไม่ผิดกฎหมาย แต่คงไม่ถูกใจใครบางคน แต่รับมีผลต่อกำลังใจข้าราชการ ภท.เรียงหน้าโต้พงศ์โพยม
ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะนำเสนอชื่อ "มงคล สุระสัจจะ" อธิบดีกรมการปกครอง ขึ้นไปเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย แทนมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนปัจจุบัน ที่จะเกษียณราชการในเดือนกันยายนนี้
นายมงคล สุระสัจจะ ถูกคัดเลือกให้นั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงมหาดไทยทั้งที่มีอายุน้อย
จึงทำให้ถูกวิพากวิจารณ์ ว่ามีนักการเมืองสนับสนุนให้ขึ้นดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย
เพื่อหวังผลตอบแทนในภายภาคหน้า
สรุปว่า การบริหารควรแยกออกจากการเมือง ถ้าการบริหารมารวมกับการเมืองทำให้เกิดความเห็นแก่ตัว
ความโลภ ถ้าการบริหารแยกออกจากการเมือง จากแนวความคิดของ วูดโรว์ วิลสัน
ถ้าฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงฝ่ายบริหาร จะเป็นการทำลายโอกาสของ
การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ
(น.ส พรพิมพ์ ทองร่วง รปศ 531 เลขที่20)
วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
กลอนวันครู
หลักการบริหารของเจมส์มูนเนย์ และ อลัน ไรเลย์
1.หลักการประสานงาน
2.หลักสายการบังคับบัญชา
3.หลักการแบ่งงานตามหน้าที่
4.หน่วยงานหลักและหน่วยงานสนันสนุน
หน่วยงานหรืององค์กรสามารถนำหลักบริหารมูนเนย์และไรเลย์ เข้ามาใช้ในการทำงานภายในหน่วยงานและองค์กร โดยการบริหารของมูนเนย์และไรเลย์ อาจเป็นปัจจัยที่สำคัญ ที่สามารถกำหนดความสำเร็จของงาน และได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญ ในการทำงานประสานงานกันให้งานบรรลุผลสำเร็จได้
ยกตัวอย่าง การที่อาจารย์มอบหมายการบ้านให้ ถ้าคนที่เห็นความสำคัญของงาน เขาจะพยายามทำงานที่อาจารย์มอบหมายให้จนเสร็จ บรรลุความสำเร็จ แต่ถ้าคนที่ไม่เห็นความสำคัญของงาน เขาก็จะเที่ยวจึงมาทำงานที่อาจารย์มอบหมายให้ จึงทำให้งานนั้นไม่บรรลุเป้าหมายตามความต้องการที่อาจารย์กำหนดไว้
นายกัมปนาท ปัญญาดี เลขที่3 รปศ.531
กลอนวันไหว้ครู
วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
กลอนวันไหว้ครู
วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
กลอนวันครู
(หลักการแบ่งงานตามประสิทธิภาพ)
เพื่อสะดวกในการทำหน้าที่ของแต่ละคน และเพื่อให้ทราบว่าแต่ละคนมีประสิทธิภาพด้านใดบ้าง เพื่อให้งานตรงกับคน นั้นๆ ทำให้งานเสร็จเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เหมือนกับงานรับเหมาก่อสร้างที่เคยเห็นกัน จะมีการแบ่งงานเป็นส่วนๆ คนที่ชำนาญด้านใดก็รับผิดชอบในด้านนั้นๆ
เช่น ช่างปูน ก็รับผิดชอบด้านปูน ส่วนคนที่เป็นช่างไม้ ก็รับผิดชอบเรื่องไม้ทั้งหมด เป็นต้น เพื่อให้งานเสร็จเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เหมือนกับ ทฤษฎีองค์การว่าด้วยหลักการบริหารการจัดการ ของ ลูเธอร์ กูลิค และ ลินดอลล์ เออร์วิก
ว่าด้วยการแบ่งงาน ให้แต่ละคนทำภายในองค์กร
สรุป เป็นการแบ่งแยก หน้าที่ให้แต่ละคนทำภายในองค์กร แบ่งงานกันทำเฉพาะด้าน เพื่อให้ทราบว่าแต่ละคนถนัดเรื่องใดบ้าง และมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องอะไร
(น.ส.ขวัญฤทัย ภูมิลา) ร.ป.ศ 531 เลขที่ 7
วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ทำอย่างไรให้มีบุคลิกภาพที่ดี
นักวิชาการ คริส อาร์จิริสท่านได้เสนอทฤษฎี พัฒนาการบุคลิกภาพด้านต่างๆ 3 ประการ
1.ด้านมนุษย์ที่มีสุขภาพจิตดี เป็นกระบวนการที่เปลี่ยนจากคนเฉื่อยชาเป็นคนที่กระตือรือร้นในการทำงาน
คนที่ต้องพึ่งพาคนอื่นเป็นคนที่มีความเป็นอิสระอาศัยตัวเองเป็นหลัก
คนที่มีความสนใจที่ชั่วคราวเป็นคนที่มีความสนใจหนักแน่น
คนที่มองอะไรในระยะสั้นเป็นคนที่มีวิสัยทศน์
คนที่ไม่รู้จักตนเป็นคนที่รู้จักตนรู้จักควบคุมตัวเอง
อาจิริส เชื่อว่า มนุษย์ทุกคนควรมีโอกาสเท่ากันในการพัฒนาตัวเอง
2.ด้านการจัดองค์การแบบระบบราชการ เป็นการจัดโครงสร้างแบบเป็นทางการในรูปพีระมิด
เป็นอุปสรรคต่อการที่คนจะเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้
เป็นการจัดองค์การที่ไม่เปิดโอกาสให้คนใช้ความสามารถของตนได้อย่างเต็มที่
เป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการที่คนจะมีสุขภาพจิตแจ่มใส
สาเหตุเพื่อไม่เอื้ออำนวยต่อการเปิดโอการให้คนได้พัฒนาเป็นผู้ใหญ่
3.ด้านการออกแบบองค์การตามความคิดแบบระบบราชการหาใช้เป็นวิธีการออกแบบที่ส่งผลให้องค์การเกิดประสิทธิ์ผลไม่
เพราะคนงานที่พัฒนาเป็นผู้ใหญ่แล้วจะรู้สึกกระอักกระอ่วนและไม่สบายใจ
ดั้งนั้น การยึดถือทฤษฎีระบบราชการแบบดั้งเดิมย่อมเป็สิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อคนงานที่ป็นผู้ใหญ่
Ex.ในปัจจุบันมีคนที่ทำเฉื่อยชามาก เช่น
แอนเป็นคนที่ทำงานล่าช้า และมาสายในเวลาทำงาน
แอนจึงค้นหาแนวคิดที่จะนำมาปรับปรุงตัวเองให้เเป็นคนที่มีความรวดเร็วในการทำงาน
แอนจึงค้นพบทฤษฎีของ อาจิริส ที่เป็นกระบวนการที่เปลื่ยนจากคนเฉื่อยชาเป็นคนที่กระตือรือร้น
ในการทำงาน ซึ่งเป็นกระบวนการจาก คนที่ที่ต้องพึ่งพาคนอื่นเป็นคนที่มีความเป็นอิสระอาศัยตัวเองเป็นหลัก
และแอนจึงมีประสิทธิภาพในการทำงานและเป็นคนตรงต่อเวลามากขึ้น แอนจึงเป็นคนที่มีบุคลิกภาพที่ดี
คนที่ยังทำงานเฉื่อยชาสามารถนำทฤษฎีของ คริส อาร์จิริส ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
(น.ส พรพิมพ์ ทองร่วง เลขที่20 รปศ531)
วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
หลักการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ของ เฟรดเดอริค เทย์เลอร์ ( Frederick Taylor )
1. สร้างหลักการทำงานที่เป็นวิทยาศาสตร์สำหรับการทำงานในขั้นตอนต่างๆของงาน
2. คัดเลือกคนงานตามหลักกฎเกณฑ์วิทยาศาสตร์
3. พัฒนาคนงานให้เรียนรู้หลักการทำงานแบบวิทยาศาสตร์
4.สร้างบรรยากาศการร่วมมือระหว่างผู้บริหารกับคนงาน
ในการทำงานในสังคมหรือองค์กรต่างๆบนโลกจะต้องมีหลักการในการทำงาน ทั้งลูกน้องและเจ้านาย การตั้งหรือมีกฎเกณฑ์ในการทำงานเพื่อให้งานนั้นๆสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และจะต้องมีการเลือกสรรค์ บุคคลกับงานในหน้าที่ต่างๆให้เหมาะสมกับกายภาพของบุคคลนั้นๆ และสถานที่ทำงานก็ควรมีบรรยากาศที่น่าอยู่สามารถทำงานได้อย่างสบายใจ Ex. ดิฉันเห็นการบริหารงานในโรงงานนำยางแถวบ้านของดิฉัน เขามีหลักในการบริหารงานในโรงงานทั้งผู้จัดการและคนงานทุกคน โรงงานนี้เลือกสรรค์ผู้ที่จะเข้ามาทำงานโดยเลือกตามความสามารถและประสบการณ์ของบุคคลนั้นๆ มีการจัดระบบการทำงานภายในโรงงาน จนทำให้ประสบผลสำเร็จและเป็นที่ไว้วางใจแก่ลูกค้า และทำให้ดิฉันนึกถึงหลักการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ของ เฟรดเดอริค เทย์เลอร์
ทุกๆองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ จำเป็นจะต้องมีระบบแบบแผนที่แน่นอน
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในหน่วยงานให้ดีขึ้น
( นางสาว อนุสรา ชื่นอารมณ์ เลขที่ 45 ห้อง รปศ.531 )
วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
หลักการบริหาร14ประการของ เฮนรี เฟโยล์ ( Henri Fayol )
เฮนรี เฟโยล์ นักวิศวกรอุตสาหกรรมชาวฝรั่งเศสได้เขียนหนังสือชื่อว่า " General and Industrial Administration ในปี ค.ศ.1916 โดยอาศัยประสบการณ์การเป็นนักบริหาร โดยแนวคิดของเฟโยล์ สามารถสรุปได้ดังนี้
1.หลักเกี่ยวกับหน้าที่การจัดการ โดยมีกระบวนการทำงานประกอบด้วยหน้าที่5ประการ
1.การวางแผน
2.การจัดองค์กร
3.การบังคับบัญชาสั่งการ
4.การประสานงาน
5.การควบคุม
2.เกี่ยวกับหลักการจัดการ
ประการที่1 หลักอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ
ประการที่2 หลักของการมีผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว
ประการที่3 หลักของการไปในทิศทางเดียวกัน
ประการที่4 หลักสายการบังคับบัญชา
ประการที่5 หลักของการแบ่งงานกันทำ
ประการที่6 หลักความมีระเบียบวินัย
ประการที่7 หลักประโยชน์ของส่วนบุคคลเป็นรองจากประโยชน์ส่วนรวม
ประการที่8 หลักของการให้ผลตอบแทน
ประการที่9 หลักของการรวมอำนาจ
ประการที่10 หลักความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ประการที่11 หลักความเสมอภาค
ประการที่12 หลักความมั่นคงในการทำงาน
ประการที่13 หลักความคิดริเริ่ม
ประการที่14 หลักความสามัคคี ตัวอย่าง เช่น การบริหารในหมู่บ้านของดิฉันมีการปกครองโดยใช้หลักการ14ประการในบางข้อมาบริหารการปกครองถึงแม้จะนำมาใช้เพียงบางข้อแต่ก็ทำให้ในหมู่บ้านของดิฉันมีการบริหารอย่างระบบและมีคุณภาพ ทำให้ดิฉันนึกถึงหลักบริหาร 14 ประการ ของ เฮนรี เฟโยล์
ตามหน่วยงานต่างๆต้องมีหลักในการทำงาน ทุกคนต้องมีหน้าที่งานที่ต้องรับผิดชอบ และจำเป็นต้องมีการวางแผนงาน มีผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียวเพื่อให้งานเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น งานทุกอย่างจะต้องดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน สามารถแบ่งงานกันทำได้อย่างมีระเบียบเรียบร้อย เพราะจะทำให้เกิดประโยชน์แก่หน่วยงาน ผลตอบแทนก็จะเป็นที่น่าพอใจและทุกคนในหน่วยงานก็จะเกิความเสมอภาค
หลักการบริหาร14ประการ ของเฮนรี เฟโยล์นั้นเป็นหลักการที่เป็นที่ยอมรับและเกิดขึ้นได้ในทุกหน่วยงานหรือองค์กร ถ้าองค์กรหรือหน่วยงานใดนำหลัก14ประการนี้ไปใช้ก็จะเกิดผลดีกับหน่วยงานหรือองค์กรนั้นๆ
( นางสาว อมรรัตน์ วาหะรักษ์ เลขที่ 47 ห้อง รปศ.531 )